วิธีเพาะปลูกหอมหัวใหญ่ การเพาะกล้า 1. แปลงควรทุบดินให้ละเอียด ผสมแกลบดำ ,ทรายละเอียดและปุ๋ยดินหมักชีวภาพปริมาณเท่าๆ กัน 2. ใช้ไม้ขี...

วิธีเพาะปลูกหอมหัวใหญ่


วิธีเพาะปลูกหอมหัวใหญ่


การเพาะกล้า
1. แปลงควรทุบดินให้ละเอียด ผสมแกลบดำ ,ทรายละเอียดและปุ๋ยดินหมักชีวภาพปริมาณเท่าๆ กัน
2. ใช้ไม้ขีดห่างประมาณ 1 นิ้ว
3. หยอดเมล็ดลงไปตามแนวขีด ประมาณ 5-7 เมล็ดต่อ 1 นิ้ว กลบด้วยดินข้างเคียง
4. รดน้ำด้วยบัวรดน้ำรูเล็ก หรือบัวรดน้ำกล้วยไม้
5. เมื่อต้นกล้าสูงเท่าดินสอสามารถนำไปปลูกได้

การเตรียมแปลง
1. ทุบดินให้ละเอียด ผสมปุ๋ยหมักชีวภาพ 1-2 กก. ต่อ 1 ตร.ม. ผสมแกลบดำ 1 ถุงอาหารสัตว์
2. รดน้ำให้ชุ่ม คลุมด้วยฟางค่อนข้างหนา รดน้ำอีกครั้ง
3. แหวกฟางให้ถึงดิน ปลูกต้นกล้าลงไป จะตัดยอดใบหรือไม่ตัดก็ได้ แต่ควรตัดรากให้หมด ทำให้ต้นหอมงอรากเร็ว
4. รดน้ำผสมน้ำสกัดชีวภาพ อย่าง 7 วันต่อ ครั้ง
5. ควรปลูกห่างกัน 5-6 นิ้วต่อต้น

การดูแลรักษา
1. เติมปุ๋ยเดือนละครั้ง โรยระหว่างแถวประมาณ 1 กก.ต่อ ตร.ม.
2. ฉีดพ่นน้ำหมักสะเดาผสมน้ำหมักชีวภาพ สัปดาห์ละครั้ง
3. งดให้น้ำระยะหัวหอมโตเต็มที่ ช่วง อายุ 50 วัน 60 วันก็เก็บได้แล้ว
4. การเก็บรักษา ควรนำมามัดจุแขวนไว้ที่โปร่ง ลมผัดผ่านได้ ไม่ควรกองกับพื้น หัวหอมจะเน่าเสีย

วิธีการปลูกแตงโม ต้องเตรียมพื้นที่ พื้นที่สำหรับปลูกแตงโมพื้นที่ที่ไม่ชื้นแฉะ เพราะแตงโมไม่ชอบพื้นที่น้ำแฉะแต่ก็ขาดน้ำไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเ...

วิธีการปลูกแตงโม


วิธีการปลูกแตงโม ต้องเตรียมพื้นที่ พื้นที่สำหรับปลูกแตงโมพื้นที่ที่ไม่ชื้นแฉะ เพราะแตงโมไม่ชอบพื้นที่น้ำแฉะแต่ก็ขาดน้ำไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนหรือฤดูฝนโดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนจะใช้เวลา55-75วัน สามารถเก็บผลผลิตขายสู่ท้องตลาดได้



- เตรียมแปลงปลูกไถพรวนกว้าง 7 เมตร ไม่จำกัดความยาว จากนั้นคลุมแปลงด้วยผ้าพลาสติกสำหรับคลุมแปลงโดยเฉพาะ เป็นผ้าสังเคราะห์แสง ลักษณะด้านหนึ่งสีขาว อีกด้านหนึ่งสีดำ เป็นตัวควบคุมความชื้นและอุณหภูมิในดิน และผ้าพลาสติกยังช่วยป้องกันวัชพืชอีกด้วย โดยคลุมแปลงฟากเดียวเพียงครึ่งแปลงตามแนวยาว

- หลังจากคลุมแปลงด้วยผ้าพลาสติกแล้ว ให้เจาะหลุมบนผ้าพลาสติกให้ขาดเป็นวงกลมรัศมีความกว้าง 5 เซนติเมตร ในระยะห่าง ประมาณ 50 เซนติเมตร ให้เหมาะพอดีสำหรับการปลูกต้นกล้าแตงโม

 - รดน้ำวันละ 1 ครั้งในต้อนเช้าหรือตอนเย็นก็ได้ จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 วัน ให้ใส่ปุ๋ย

 - เมื่อเวลาผ่านไป 5 วันต้นแตงโมที่ปลูกจะออกใบใหม่มาอีก รวมเป็น 7 -8 ใบ ให้เกษตรกรตัดทิ้งให้เหลือใบที่สมบูรณ์ที่สุดเพียง 4 ใน

- เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ ต้นแตงโมจะเริ่มแตกเถา ให้เกษตรกรสังเกตดูความสวยและความสมบูรณ์ของเถาแตงโม ถ้าเถาไหนไม่สมบูรณ์หรือแตกเถามากเกินไป ให้ตัดทิ้งให้เหลือไม่เกิน 4 เถา เพราะถ้าไม่ตัดเถาทิ้งจะทำให้แตงโมติดลูกในระยะเวลาที่ต่างกัน ผลแตงโมจะโตไม่พร้อมกันและขาดคุณภาพ

- ในช่วงที่ต้นแตงโมเลื้อยเถา ( 6 วัน) ให้เกษตรกรหว่านปุ๋ย ในแปลงอีกฟากหนึ่งที่ยังไม่ได้คลุมผ้าพลาสติกจากนั้นไถกลบ เพื่อให้ปุ๋ยค่อยๆซึมไปหาลำต้นแตงโมที่ปลูกในระยะตรงข้ามกัน

- จากนั้นอีก 7 วันหรือ 1 สัปดาห์ต้องให้ฮอร์โมนบำรุงต้นทางใบกับต้นแตงโม
- หมั่นสังเกตปัญหาเกี่ยวกับโรคและแมลงที่มารบกวน ไม่ว่าจะเป็นโรคราน้ำค้าง โรคใบจุดหรือไฟลามทุ่ง โดยเฉพาะโรคไฟลามทุ่งจะรุนแรงมากที่สุดเพียงแค่ 3 วันจะทำให้แตงโมเหี่ยวแห้งทั้งสวน เกษตรกรต้องใช้สารจำพวก แอนแทรคโน๊ต และใช้เคมีเข้าช่วยในการกำจัดปัญหา

- เมื่อปลูกครบ 1 เดือน ต้นแตงโมจะเริ่มเลื้อยเถา ลักษณะเถาแตงโมจะไม่มีเถาเดียวเรียวยาวออกไปแต่จะแตกกิ่งออกไปเป็นแขนง เมื่อมีกิ่งแขนงที่แตกออกไปมากๆเกษตรกรจะต้องกำจัดทิ้ง โดยการนับช่วงระหว่างใบจำนวน 5 ช่วงตั้งแต่ลำต้น เมื่อนับไปถึงช่วงข้อที่ 5 ให้เด็ดกิ่งแขนงออกให้เหลือแต่เถาหลักคงเอาไว้

- หลังจากนั้นเมื่อต้นแตงโมอายุครบ 35-40 วัน มันจะเริ่มออกดอกและติดผลเป็นลูกเล็กๆตามเถาที่เลื้อยบนดินในแปลง เกษตรกรต้องมั่นดูแลเรื่องโรคและแมลง นอกนั้นต้องสังเกตดูความสมบูรณ์ของผลแตงโมโดยสังเกตดูก้านผล ถ้าก้านผลเล็กและลูกไม่สมบูรณ์ต้องเด็ดทิ้ง การเด็ดผลด้อยแตงโมจะต้องนับจากช่วงใบตั้งแต่ลำต้นไป ถ้าติดผลในช่วงข้อที่ 6 ให้เด็ดทิ้ง แล้วนับไปอีก 4 ช่วงข้อถ้ามีผลติดอีกก็ให้เด็ดทิ้งเหมือนกัน จากนั้นนับไปอีก 4 ช่วงข้อสังเกตดูผลที่มันติดอยู่ถ้าผลสมบูรณ์ให้ปล่อยไว้ให้โตและถ้าไม่สมบูรณ์ให้เด็ดทิ้งทันที จากนั้นนับไปอีก 3 ช่วงข้อ ถ้ามีผลแตงโมติดอยู่ให้คงผลนั้นไว้เลี้ยงให้โตจะเป็นลูกแตงโมที่โตและสมบูรณ์ โดย แตงโม 1 ต้นจะต้องมีผล 1-2 ลูกเท่านั้น

- เมื่อคัดเลือกผลที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว เกษตรกรต้องหมั่นดูแลเกี่ยวกับปัญหาโรคและแมลง ดูแลจนผลแตงโมมีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ให้ใช้ปล้องไม้ไผ่ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร ผ่าครึ่งนำมารองผลแตงโมไว้ เพื่อป้องกันแมลงในดินมาเจาะผลแตงโมและเป็นการรักษาผิวแตงโมให้สวย

ขอขอบคุณที่มา : 108technofarm.com

ปลูกต้นอ่อนทานตะวัน วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับปลูกต้นอ่อนทานตะวันงอก - เมล็ดทานตะวันสีดำ ( black oil sunflower seeds ) โดยสามารถหาซื้อไ...

ปลูกต้นอ่อนทานตะวัน


ปลูกต้นอ่อนทานตะวัน


วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับปลูกต้นอ่อนทานตะวันงอก
- เมล็ดทานตะวันสีดำ ( black oil sunflower seeds ) โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสัตว์ทั่วไป
- ถาดหรือกระบะทึบแสง 2 อัน
- ดินสำหรับปลูก (ดินสวน ดินถุงสำหรับปลูกต้นไม้ธรรมดา )
- สเปรย์ฉีดน้ำเปล่า
วิธีเพาะต้นอ่อนทานตะวัน หรือ วิธีปลูกต้นอ่อนทานตะวัน

วิธีการทำ
1 แช่เมล็ดทานตะวันในน้ำไว้หนึ่งคืน
2 เตรียมถาด 2 ใบ ไม่ต้องเจาะรูระบายน้ำหรือถ้ามีรูก็ไม่เป็นไร
3.ใส่ดินลงไปสูงครึ่งนิ้วถึงหนึ่งนิ้ว ( ใส่ดินนิดเดียวพอ ครึ่งนิ้ว-หนี่งนิ้ว พอให้รากมีที่ยึดเกาะ )
4.ใช้สเปรย์ฉีดน้ำให้ทั่วดินพอชุ่มๆห้ามแฉะมาก
5.โรยเมล็ดทานตะวันที่แช่น้ำแล้วกระจายให้ทั่วในกระบะ ใช้สเปรย์ฉีดน้ำอีกครั้งให้ทั่ว แล้วใช้กระบะอีกใบคว่ำปิดทับด้านบน
6.เปิดรดน้ำด้วยสเปรย์วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หลังรดน้ำแล้วปิดกระบะไว้เช่นเดิม สักสามสี่วันจะสูงประมาณ 1 นิ้ว

7.เริ่มผลิใบ 1 คู่ ให้ทำการหงายกระบะวางทับไว้ด้านบน เพื่อเป็นการบังคับให้ต้นทานตะวันงอกในระดับเดียวกัน
และใช้สเปรย์รดน้ำเช้า-เย็น แล้วก็วางกระบะทับไว้ด้านบนเช่นเดิม 2-3 วัน
8.ตอนนี้ลำต้นจะสูงประมาณ 2- 3 นิ้ว เอากระบะที่วางทับไว้ออกได้ จะเห็นใบมีสีเหลืองเนื่องจากไม่โดนแสง
ให้เอาถาดวางไว้ในที่ร่มห้ามโดนแสงแดด ไม่กี่ชั่วโมงใบทานตะวันจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว, สเปรย์รดน้ำเช้า-เย็น

9.วันที่ 7-11 สามารถเก็บเกี่ยวมากินได้ตามความชอบ (ถ้าปล่อยไว้นานจะเริ่มมีใบเลี้ยงคู่ที่สองออกมา รสชาติจะไม่ค่อยอร่อย)

10. เวลาตัดรากก็ใช้กรรไกรตัดโลด รวบมาเป็นกำๆ แล้วก็ตัดงับๆๆๆ ล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้งสะเด็ดน้ำ

เมื่อต้นอ่อนทานตะวันแห้งแล้วแบ่งเก็บใส่ถุงเข้าตู้เย็นไว้กินหรือ แจกเพื่อนบ้าน แจกญาติๆ
หรือไม่ก็สามารถนำไปขายสร้างรายได้ ให้มีผักกินสุขภาพดีถ้วนหน้าในราคาประหยัด

ขอขอบคุณที่มา : .farmthailand.com/1197

การเพาะเห็ดเผาะ  เห็ดเผาะหรือเห็ดถอบเป็นเห็ดที่เกิดในต้นฤดูฝนไม่มีรากเป็นก้อนกลมๆมีสปอร์อยู่ข้างในมีเปลือกแข็งหุ้มสปอร์ไว้นิยมนำมา...

การเพาะเห็ดเผาะ


การเพาะเห็ดเผาะ 





เห็ดเผาะหรือเห็ดถอบเป็นเห็ดที่เกิดในต้นฤดูฝนไม่มีรากเป็นก้อนกลมๆมีสปอร์อยู่ข้างในมีเปลือกแข็งหุ้มสปอร์ไว้นิยมนำมาทำอาหารในช่วงที่อ่อนๆ ปัจจุบันการเพาะเชื้อยังทำไม่ได้แต่มีวิธีการปลูกแบบอาศัยธรรมชาติ ทำได้ปีละครั้ง

อุปกรณ์ในการปลูกเห็ดเผาะ
1.เห็ดเผาะที่แก่จนแห้งแตก
2.ต้นกล้าไม้ที่นิยมคือ ยางนา มะค่า เต็งรัง
3.ถังเล็กๆ

วิธีการปลูกเห็ดเผาะ
1.นำเห็ดเผาะที่แก่จัดมาแกะเอาสปอร์ข้างใน
2.นำสปอร์ไปผสมกับน้ำให้เข้ากันในอัตราส่วนที่เหมาะสม
3.นำไปรดต้นกล้าทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละครั้ง
4.สังเกตุดูต้นกล้าถ้าเริ่มมีเนื้อเยื่อเห็ดเผาะเจริญเติบโตแล้วให้นำไปปลูกได้
5.ปีถัดไปก็จะมีเห็ดเผาะเกิดตามรากไม้ต้นนั้นอย่าพึ่งเก็บเพราะต้นไม้ยังไม่แข็งแรงพอ
6.เมื่อต้นไม้โตพอประมาณให้เริ่มทำการเก็บเห็ดเผาะได้ เห็ดเผาะจะเกิดมาให้เราเก็บที่ต้นไม้ต้นนี้ทุกปี


วิธีปลูกพลู สร้างรายได้  ชนิดของพลู 1. พลูเขียว หรือบางท้องที่จะนิยมเรียกว่าพลูใบใหญ่ ใบมีขนาดใหญ่ป้อมๆ แต่ใบบาง ลักษณะใบ เหมือนใบโ...

วิธีปลูกพลู สร้างรายได้


วิธีปลูกพลู สร้างรายได้ 
ชนิดของพลู


1. พลูเขียว หรือบางท้องที่จะนิยมเรียกว่าพลูใบใหญ่ ใบมีขนาดใหญ่ป้อมๆ แต่ใบบาง ลักษณะใบ
เหมือนใบโพธิ์ มีสีเขียวเข้มกว่าพันธุ์อื่น มีรสเผ็ดมาก พลูชนิดนี้นิยมทำเป็นพลูนาบ และนิยมนำไปใช้ใน
การประกอบพิธี
2. พลูขาวหรือพลูนวล ใบมีขนาดปานกลางเล็กกว่าพลูเขียว แต่ใบหนากว่าพลูเขียว ปลายใบเรียว
ลักษณะใบเหมือนใบพริกไทย มีสีเขียวออกนวล รสไม่เผ็ดมากนักเป็นที่นิยมของท้องตลาดและผู้บริโภค
3. พลูเหลืองหรือพลูทอง ใบมีขนาดเล็กกว่าพลูนวลเล็กน้อย ใบบางเหมือนพลูเขียว ปลายใบจะ
เรียวเหมือนพลูนวล ใบมีสีเหลืองออกสีทอง รสไม่เผ็ดมากนัก เป็นที่นิยมของท้องตลาดและผู้บริโภคมาก
การดูแลรักษายากกว่าพันธุ์อื่น
พลูขยายพันธุ์ด้วยการใช้เถา / การตอน / การปักชำยอด / การใช้ใบ /การทับกิ่ง

การปลูก
1. การเตรียมไม้ค้าง เนื่องจากพลูเป็นพันธุ์ไม้เลื้อยที่ต้องอาศัยรากเจริญเกาะขึ้นไปกับค้าง
2. การเตรียมดิน การเตรียมดินทำได้โดยไถดินตากไว้อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ยกร่องให้สูงเพื่อช่วยใน
การระบายน้ำ ตากดินทิ้งไว้ระยะหนึ่งประมาณ 1-2 วัน แต่ถ้าบริเวณที่ปลูกเป็นดินเหนียวหรือดินร่วนปน
ทรายควรใส่ปุ๋ยคอก เพื่อให้ดินร่วนและทำให้การอุดมสมบูรณ์มีเพิ่มมากขึ้น หากดินเหนียวหรือดินแน่น
จะต้องพรวนดิน ย่อยดินให้ร่วนเสียก่อนและต้องระวังอย่าให้มีน้ำขังในแปลงปลูก แล้วทำการขุดหลุมปลูก
หลุมปลูกมีขนาดประมาณ 50 x 50 ซม. และลึกประมาณ 60 ซม. ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 1.5-2.0
เมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 1.50 เมตร
3. วิธีปลูก ก่อนที่จะปลูกพลูควรนำหญ้าแห้ง ใส่ลงในหลุมและจุดไฟเผา เพื่อฆ่าเชื้อโรคและ
ศัตรูพืชอื่นๆ ที่อาจจะอยู่ในหลุม จากนั้นก็ทำการลงไม้ค้างในดิน ส่วนดินที่จะใส่ลงหลุมควรเป็นดินผสมปุ๋ย

พลูจะชอบอากาศร้อน อุณหภูมิที่เหมาะสมไม่ชอบแสงแดดจัดหรืออุณหภูมิที่สูงเกินไป เพราะจะทำให้ต้นพลูอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ดังนั้นจึงต้องพรางแสงแดดลดความร้อนด้วยการให้ร่มเงาหรือปลูกพืชอื่นให้ร่มเงามากขึ้น
นอกจากนี้สิ่งที่ให้ร่มเงายังมีประโยชน์ในการป้องกันลมอันอาจจะทำความเสียหายต่อก้านและใบพลู
พลูชอบดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง pH 7-7.5 และการระบายน้ำดี ถ้าเป็นดินเหนียวจะต้องทำการระบายน้ำ
พลูไม่ชอบที่ชื้นแฉะหรือมีน้ำขัง อันเป็นสาเหตุที่จะทำให้ชะงักการเจริญเติบโตและเกิดโรคได้ง่าย
พลูจะชอบความชื้นสูงเป็นบริเวณที่ใกล้แหล่งน้ำหรือบริเวณที่มีฝนตกชุกสม่ำเสมอ

ขอขอบคุณที่มาข้อมูล : .kasetporpeang.com
ขอขอบคุรเครดิตภาพ
Pages (2)12 »